เนื้อหาต่อเนื่องกับบล็อกที่ 2 ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธและคำถาม ในส่วนที่พูดถึงกริยาแท้กับกริยาช่วยไว้ซึ่งเวลาที่เราเห็นประโยคภาษาอังกฤษ แล้วเห็นกริยามากกว่าหนึ่งตัว เช่น
She is reading books. มีกริยาอยู่ 2 ตัวตามที่ขีดเส้นใต้คือ is กับ reading
แล้วจะดูกริยาตัวไหนเพื่อให้แปลความหมายของประโยคได้ล่ะ
เพราะถ้าแปลกริยาทุกตัวที่มีอยู่ในประโยคข้างต้น จะแปลได้ว่า
"หล่อน (เขาผู้หญิง) เป็น/อยู่/คือ กำลังอ่านหนังสือ"
เป็นไงคะ?... แปลออกมาแล้วมันทะแม่งๆ แปลกๆ ใช่รึเปล่าเอ่ย... เพราะฉะนั้น การที่เราจะรู้ได้ว่ากริยาตัวไหนเป็นกริยาแท้ (Finite Verb) หรือเป็นกริยาที่เป็นฮีโร่มาช่วยให้รูปแบบประโยคแต่ละชนิดสมบูรณ์ ก็ต้องมาดูที่ความหมายของประโยคค่ะ ว่ากริยาตัวไหนที่ทำหน้าที่กระทำในประโยค และจากประโยคข้างต้นนี้ ตัวที่มีการกระทำคือ "reading" จึงสามารถบอกได้เลยว่า กริยาแท้ของประโยคคือ reading และกริยาช่วยคือ "is" เพราะ is ไม่มีความหมาย ไม่ได้แปลว่า เป็น อยู่ หรือแม้แต่จะแปลว่า คือ เพราะ is ตัวนี้มาทำหน้าที่ให้รูปแบบประโยคบอกเล่าของ "แม่พรีลูกคอนท์"(Present Continuous) สมบูรณ์เท่านั้น
ลองแปลประโยคนี้กันอีกครั้งนะคะ
She is reading books. หล่อน (เขาผู้หญิง) กำลังอ่านหนังสือ
มาถึงตรงนี้ คาดว่าแต่ละคนน่าจะพอเข้าใจกันแล้วนะคะว่ากริยาแท้คืออะไร...
Friday, 17 October 2014
Wednesday, 15 October 2014
ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และคำถาม (Declarative Sentence, Negative Sentence and Interrogative Sentence)
บล็อกนี้จะพูดถึงโครงสร้างพื้นฐานของประโยคบอกเล่า (Declarative) ประโยคปฏิเสธ (Negative) แล้วก็ประโยคคำถาม(Interrogative)
ประโยคบอกเล่านี่ง่ายมาก พูดเฉยๆ ก็ขอแค่ให้มี ประธานแล้วก็กริยา ก็พอ (S+V) ไอ่ส่วนที่จะเป็นกรรมหรือส่วนขยายก็จะได้พูดถึงในบล็อกอื่นๆ ต่อไปค่ะ บล็อกนี้ให้เข้าใจโครงสร้างประโยคทั้งสามนี้ก่อน
เอาล่ะค่ะ ลองดูประโยคนี้นะคะ
I like = ฉันชอบ
แต่ถ้าเราจะบอกว่า ฉันไม่ชอบ คนบางคนอาจจะคิดออกมาแบบนี้เลยคือ
I not like
ซึ่งถ้าถามว่า มันสื่อความหมายได้มั๊ย ฟังแล้วเข้าใจมั๊ย คำตอบคือ เข้าใจค่ะ สื่อความหมายได้แต่ไม่ถูกหลักไวยากรณ์ ซึ่งประโยคที่ถูกต้องคือ
I don't like. หรือ I do not like.
เห็นมั๊ยคะ ว่าถ้าจะทำประโยคให้เป็นปฏิเสธแบบถูกหลักไวยากรณ์ได้ต้องมี กริยาช่วย (Auxiliary verb) ซึ่ง do ตัวนี้มาจาก V.to do ที่ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย
*ข้อควรรู้ V.to do ที่ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยจะไม่มีความหมายว่า "ทำ" เพราะมีหน้าที่เพียงแค่มาช่วยให้ประโยคปฏิเสธของ Present Simple สมบูรณ์เท่านั้น
I do not like ไม่ได้แปลว่า ฉันทำไม่ชอบ แต่แปลว่า ฉันไม่ชอบ
ลองเปรียบเทียบกับประโยคนี้นะคะ
I do not do my homework. = ฉันไม่ชอบทำการบ้านของฉัน
do เป็นกริยาช่วย (ไม่ได้แปลความหมาย เนื่องจากนำมาเติมไว้หน้า "not" เพื่อให้รูปประโยคถูกต้องตามหลักไวยากรณ์เท่านั้น)
do เป็นกริยาแท้ (แปลความหมายได้เพื่อแสดงกริยาอาการ "ทำ" ในประโยค)
ประโยคบอกเล่านี่ง่ายมาก พูดเฉยๆ ก็ขอแค่ให้มี ประธานแล้วก็กริยา ก็พอ (S+V) ไอ่ส่วนที่จะเป็นกรรมหรือส่วนขยายก็จะได้พูดถึงในบล็อกอื่นๆ ต่อไปค่ะ บล็อกนี้ให้เข้าใจโครงสร้างประโยคทั้งสามนี้ก่อน
เอาล่ะค่ะ ลองดูประโยคนี้นะคะ
I like = ฉันชอบ
แต่ถ้าเราจะบอกว่า ฉันไม่ชอบ คนบางคนอาจจะคิดออกมาแบบนี้เลยคือ
I not like
ซึ่งถ้าถามว่า มันสื่อความหมายได้มั๊ย ฟังแล้วเข้าใจมั๊ย คำตอบคือ เข้าใจค่ะ สื่อความหมายได้แต่ไม่ถูกหลักไวยากรณ์ ซึ่งประโยคที่ถูกต้องคือ
I don't like. หรือ I do not like.
เห็นมั๊ยคะ ว่าถ้าจะทำประโยคให้เป็นปฏิเสธแบบถูกหลักไวยากรณ์ได้ต้องมี กริยาช่วย (Auxiliary verb) ซึ่ง do ตัวนี้มาจาก V.to do ที่ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย
*ข้อควรรู้ V.to do ที่ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยจะไม่มีความหมายว่า "ทำ" เพราะมีหน้าที่เพียงแค่มาช่วยให้ประโยคปฏิเสธของ Present Simple สมบูรณ์เท่านั้น
I do not like ไม่ได้แปลว่า ฉันทำไม่ชอบ แต่แปลว่า ฉันไม่ชอบ
ลองเปรียบเทียบกับประโยคนี้นะคะ
I do not do my homework. = ฉันไม่ชอบทำการบ้านของฉัน
do เป็นกริยาช่วย (ไม่ได้แปลความหมาย เนื่องจากนำมาเติมไว้หน้า "not" เพื่อให้รูปประโยคถูกต้องตามหลักไวยากรณ์เท่านั้น)
do เป็นกริยาแท้ (แปลความหมายได้เพื่อแสดงกริยาอาการ "ทำ" ในประโยค)
Tuesday, 14 October 2014
วิธีจำโครงสร้างประโยคบอกเล่าของทั้ง 12 Tensesแบบง่ายๆ
ก่อนอื่นเลย ให้คิดไว้ว่าช่วงเวลาในโลกนี้ไม่ว่าจะภาษาไหนๆ ก็จะมีช่วงเวลาที่เป็นปัจจุบัน
(Present) อดีต (Past) และอนาคต (Future) และช่วงเวลาใหญ่ๆ นี้
ให้ถือเป็นคุณแม่สามคนคือแม่พรี แม่พาสท์ แล้วก็แม่ฟิว ที่แต่ละคนมีลูกคนละ 4 คน คนแรกคือ น้องซิม (Simple)
เป็นคนง่ายๆ คนที่สองคือ น้องคอนท์ (Continuous) เป็นคนที่ชอบทำอะไรต่อเนื่อง คนที่สามเป็นคนที่เพรียบพร้อมสมบูรณ์คือ น้องเพอ (Perfect) ส่วนคนสุดท้าย เป็นคนที่เพียบพร้อมและชอบทำอะไรต่อเนื่องคือ น้องเพอคอนท์ (Perfect Continuous)
สิ่งที่ต้องรู้ในขั้นต่อไปคือ กริยาพื้นฐานหรือกริยาหลักของตัวคุณแม่แต่ละตัว ซึ่งคุณแม่พรีนั้นสนใจในเหตุการณ์ปัจจุบัน รูปกริยาที่ใช้คือ กริยาช่องที่ 1 (Present = V.1) ส่วนคุณแม่พาสท์สนใจในเรื่องที่เป็นอดีต รูปกริยาที่ใช้คือ กริยาช่องที่ 2 (Past = V.2) สุดท้ายคือคุณแม่ฟิวที่สนใจเรื่องอนาคต จะใช้รูปกริยาคือ (Future = will + V.ฺBase Form)
ก่อนที่จะอ่านขั้นตอนต่อไป บิ้วอยากจะให้ทุกคนเข้าใจและจดจำรายละเอียดข้างต้นนี้ให้ได้ก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวสิ่งที่ตามมาจะง่ายมาก แทบไม่ต้องเสียเวลาท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองเลยค่ะ
ตอนนี้ก็จะมาถึงวิธีการเอา tense แม่มาบวกเข้ากับ tense ลูกแล้วนะคะ
Tense แรกที่มักจะพูดถึงกันบ่อยๆ และได้เรียนก่อน tense อื่น ๆคือ Present Simple ซึ่งก่อนที่จะเอามาเข้าสูตร อยากจะบอกไว้ก่อนค่ะว่า เราต้องเอาตัวคุณแม่ตั้งต้นขึ้นทุกครั้งนะคะ เพื่อที่จะได้ไม่งง
ให้จำไว้ว่า แม่ให้กำเนิด แม่เกิดก่อนเรา ต้องให้เกียรติคุณแม่ก่อนประมาณนี้ก็ได้ค่ะ
Present + Simple
V.1 + _____ = S+V.1 เนื่องจาก น้องซิมเป็นน้องง่ายๆค่ะ ไม่มีอะไรเป็นรูปกริยาหลัก เราก็สามารถเอามารวมกับตัวแม่ได้เลย
วิธีการของ Past Simple กับ Future Simple ก็จะคิดเหมือนกันค่ะ
Past + Simple
V.2 + _____ = S+V.2
Future + Simple
will + V.infinitive + _____ = S+will + V.infinitive
ตามนี้นะคะ เดี๋ยวเรามาลองคำนวณน้องคอนท์ไปพร้อมๆกันดูนะคะ
Present + Continuous
V.1 + V.to. be + V.ing = S+V.1ของ V. to be คือ is, am, are + V.ing
= S + is/am/are + V.ing
Past + Continuous
V.2 + V.to. be + V.ing = S+V.2ของ V. to be คือ was, were + V.ing
= S + was/were+ V.ing
Future + Continuous
will + V.infinitive + V.to. be + V.ing = S+ will + V.infinitive ของ V. to be คือ be+ V.ing
= S + wil + be + V.ing
ต่อไปก็น้องเพอ
Present + Perfect
V.1 + V.to. have + V.3 = S+V.1ของ V. to have คือ have, has + V.3
= S + have/has + V.3
Past + Perfect
V.2 + V.to. have + V.3 = S+V.2ของ V. to have คือ had + V.3
= S + had + V.3
Future + Perfect
will + ฺV. Base Form + V.to. have + V.3 = S+ will + V.Base Form ของ V. to have คือ have + V.3
= S + wil + have + V.3
ส่วนคนสุดท้าย มันเหมือนจะยาวเหมือนจะยาก แต่จริงๆแล้วง่ายสุดๆเลยค่ะ ถ้าจำโครงสร้างกริยาหลักของน้องเพอคอนท์ได้นะคะ ตรง V.to have จะเหมือนในคนที่สามหมดเลยค่ะ ต่างกันแค่แทนที่ V.3 เป็นคำว่า been แล้วก็ตามด้วย V.ing แค่นั้นเองค่ะ
หลักการของการเอามาบวกกัน ถ้าจะพูดเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ค่ะ
1. เอาตัวแม่ขึ้นหน้าก่อนแล้วตามด้วยตัวลูก
2. ถ้าตัวแม่มีหาง (ตัวสุดท้ายของโครงสร้าง) ให้นำไปรวมกับกริยาตั้งต้นของตัวลูกแล้วผันให้สัมพันธ์กัน เช่น Future Perfect คิดง่ายๆ ก็แม่ฟิวบวกด้วยลูกเพอ ตัวตั้งต้นจะเป็น will แล้วตามด้วย V.Base Form ที่เป็นหางของแม่ ซึ่งเมื่อนำตัวหางไปบวกรวมเข้ากับตัวตั้งต้นของลูก คือ V. to have ซึ่ง V.Base Form ของ V. to have คือ have ตามด้วย V.3 (ลองอ่านคำอธิบายสั้นๆ ที่เขียนกำกับไว้ให้ในtenseตัวอย่างนะคะ)
3. ตัวที่ไม่ได้กล่าวถึงในข้อสอง ก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไรมันค่ะ เอามันลงตามโครงสร้างได้เลย
หมายเหตุ หลักการนี้ บิ้วให้เป็นหลักในการจำโครงสร้างในรูปแบบบอกเล่าไว้เบื้องต้นก่อนน้า ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เช่น รูปแบบประโยคคำถามหรือปฏิเสธ หรือสถานการณ์ที่ใช้ในแต่ละ tense ก็จะมีเพิ่มเติมให้เรื่อยๆ จ้า
ถ้าจะคิดตามแบบวิธีนี้ให้ได้ผลคือ ต้องเข้าใจโครงสร้างใหญ่คือตัวแม่ทั้งสามพร้อมด้วยตัวลูกทั้งสี่ให้ได้ก่อน จากนั้นก็จำว่าทั้งตัวแม่และตัวลูกแต่ละอันมีรูปกริยาหลัก หรือ โครงสร้างพื้นฐานอย่างไรบ้าง แล้วก็แค่นำมาบวกกัน แค่นั้นเองค่า ง่ายๆ เลยแหละ... ลองทำตามดูก่อน เพราะถ้าไม่ลองก็ไม่มีทางรู้... ใช่มั๊ยคะ?
มีอะไรไม่เข้าใจหรืออยากจะติชมอะไร ก็คอมเมนต์ทิ้งไว้ได้เต็มที่เลยนะค้า หรือจะไปสอบถามและพูดคุยกันได้ที่เพจ EEK นี้ค่าาาา
สิ่งที่ต้องรู้ในขั้นต่อไปคือ กริยาพื้นฐานหรือกริยาหลักของตัวคุณแม่แต่ละตัว ซึ่งคุณแม่พรีนั้นสนใจในเหตุการณ์ปัจจุบัน รูปกริยาที่ใช้คือ กริยาช่องที่ 1 (Present = V.1) ส่วนคุณแม่พาสท์สนใจในเรื่องที่เป็นอดีต รูปกริยาที่ใช้คือ กริยาช่องที่ 2 (Past = V.2) สุดท้ายคือคุณแม่ฟิวที่สนใจเรื่องอนาคต จะใช้รูปกริยาคือ (Future = will + V.ฺBase Form)
ส่วน
คุณลูกแต่ละคน คนแรกก็เป็นคนง่ายๆ ไม่มีกฏเกณฑ์อะไรคือน้องซิม คุณลูกคนที่สองคือน้องคอนท์ จะต้องมีกริยารูปนี้ติดตัวอยู่เสมอ V.to be +
V.ing ส่วนน้องเพอ ลูกคนที่สาม คิดถึงเด็กคนนี้แล้ว จะต้องนึกถึง V.to
have + V.3 มาถึงลูกคนสุดท้าย คนที่แค่ชื่อก็บ่งบอกยี่ห้อแล้วว่า
ทั้งเพอและคอนท์ ก็จะสามารถใช้สูตรในการบวกโครงสร้างได้ดังนี้คือ
Perfect + Continuous = Perfect Continuous
V.to have + V.3 + V.to be + V.ing = V.to have + V.3 ของ V.to be (been) +V.ing
เพราะฉะนั้นโครงสร้างของ Perfect Continuous คือ V.to have + been + V.ing
ก่อนที่จะอ่านขั้นตอนต่อไป บิ้วอยากจะให้ทุกคนเข้าใจและจดจำรายละเอียดข้างต้นนี้ให้ได้ก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวสิ่งที่ตามมาจะง่ายมาก แทบไม่ต้องเสียเวลาท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองเลยค่ะ
ตอนนี้ก็จะมาถึงวิธีการเอา tense แม่มาบวกเข้ากับ tense ลูกแล้วนะคะ
Tense แรกที่มักจะพูดถึงกันบ่อยๆ และได้เรียนก่อน tense อื่น ๆคือ Present Simple ซึ่งก่อนที่จะเอามาเข้าสูตร อยากจะบอกไว้ก่อนค่ะว่า เราต้องเอาตัวคุณแม่ตั้งต้นขึ้นทุกครั้งนะคะ เพื่อที่จะได้ไม่งง
ให้จำไว้ว่า แม่ให้กำเนิด แม่เกิดก่อนเรา ต้องให้เกียรติคุณแม่ก่อนประมาณนี้ก็ได้ค่ะ
Present + Simple
V.1 + _____ = S+V.1 เนื่องจาก น้องซิมเป็นน้องง่ายๆค่ะ ไม่มีอะไรเป็นรูปกริยาหลัก เราก็สามารถเอามารวมกับตัวแม่ได้เลย
วิธีการของ Past Simple กับ Future Simple ก็จะคิดเหมือนกันค่ะ
Past + Simple
V.2 + _____ = S+V.2
Future + Simple
will + V.infinitive + _____ = S+will + V.infinitive
ตามนี้นะคะ เดี๋ยวเรามาลองคำนวณน้องคอนท์ไปพร้อมๆกันดูนะคะ
Present + Continuous
V.1 + V.to. be + V.ing = S+V.1ของ V. to be คือ is, am, are + V.ing
= S + is/am/are + V.ing
Past + Continuous
V.2 + V.to. be + V.ing = S+V.2ของ V. to be คือ was, were + V.ing
= S + was/were+ V.ing
Future + Continuous
will + V.infinitive + V.to. be + V.ing = S+ will + V.infinitive ของ V. to be คือ be+ V.ing
= S + wil + be + V.ing
ต่อไปก็น้องเพอ
Present + Perfect
V.1 + V.to. have + V.3 = S+V.1ของ V. to have คือ have, has + V.3
= S + have/has + V.3
Past + Perfect
V.2 + V.to. have + V.3 = S+V.2ของ V. to have คือ had + V.3
= S + had + V.3
Future + Perfect
will + ฺV. Base Form + V.to. have + V.3 = S+ will + V.Base Form ของ V. to have คือ have + V.3
= S + wil + have + V.3
ส่วนคนสุดท้าย มันเหมือนจะยาวเหมือนจะยาก แต่จริงๆแล้วง่ายสุดๆเลยค่ะ ถ้าจำโครงสร้างกริยาหลักของน้องเพอคอนท์ได้นะคะ ตรง V.to have จะเหมือนในคนที่สามหมดเลยค่ะ ต่างกันแค่แทนที่ V.3 เป็นคำว่า been แล้วก็ตามด้วย V.ing แค่นั้นเองค่ะ
หลักการของการเอามาบวกกัน ถ้าจะพูดเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ค่ะ
1. เอาตัวแม่ขึ้นหน้าก่อนแล้วตามด้วยตัวลูก
2. ถ้าตัวแม่มีหาง (ตัวสุดท้ายของโครงสร้าง) ให้นำไปรวมกับกริยาตั้งต้นของตัวลูกแล้วผันให้สัมพันธ์กัน เช่น Future Perfect คิดง่ายๆ ก็แม่ฟิวบวกด้วยลูกเพอ ตัวตั้งต้นจะเป็น will แล้วตามด้วย V.Base Form ที่เป็นหางของแม่ ซึ่งเมื่อนำตัวหางไปบวกรวมเข้ากับตัวตั้งต้นของลูก คือ V. to have ซึ่ง V.Base Form ของ V. to have คือ have ตามด้วย V.3 (ลองอ่านคำอธิบายสั้นๆ ที่เขียนกำกับไว้ให้ในtenseตัวอย่างนะคะ)
3. ตัวที่ไม่ได้กล่าวถึงในข้อสอง ก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไรมันค่ะ เอามันลงตามโครงสร้างได้เลย
หมายเหตุ หลักการนี้ บิ้วให้เป็นหลักในการจำโครงสร้างในรูปแบบบอกเล่าไว้เบื้องต้นก่อนน้า ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เช่น รูปแบบประโยคคำถามหรือปฏิเสธ หรือสถานการณ์ที่ใช้ในแต่ละ tense ก็จะมีเพิ่มเติมให้เรื่อยๆ จ้า
ถ้าจะคิดตามแบบวิธีนี้ให้ได้ผลคือ ต้องเข้าใจโครงสร้างใหญ่คือตัวแม่ทั้งสามพร้อมด้วยตัวลูกทั้งสี่ให้ได้ก่อน จากนั้นก็จำว่าทั้งตัวแม่และตัวลูกแต่ละอันมีรูปกริยาหลัก หรือ โครงสร้างพื้นฐานอย่างไรบ้าง แล้วก็แค่นำมาบวกกัน แค่นั้นเองค่า ง่ายๆ เลยแหละ... ลองทำตามดูก่อน เพราะถ้าไม่ลองก็ไม่มีทางรู้... ใช่มั๊ยคะ?
มีอะไรไม่เข้าใจหรืออยากจะติชมอะไร ก็คอมเมนต์ทิ้งไว้ได้เต็มที่เลยนะค้า หรือจะไปสอบถามและพูดคุยกันได้ที่เพจ EEK นี้ค่าาาา
Subscribe to:
Posts (Atom)